ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ Detective Dee and the Mystery of the Phantom Flame

Admin May 30 2021




ปีค.ศ. 690 นอกราชวังหลวงในเมืองลั่วหยาง เจดีย์ขนาดใหญ่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และในวันที่สร้างเสร็จก็จะเป็นวันที่จักรพรรดินีองค์แรกของจีน บูเช็กเทียน (คาริน่า หลิว) จะขึ้นครองบัลลังก์อย่างเป็นทางการ และกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดของประเทศ โดยสถูปในเจดีย์นั้น เป็นพระพุทธเจ้าที่มีหน้าตาคล้ายกับองค์จักรพรรดินี


บูเช็กเทียน (คาริน่า หลิว) ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ



แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งเป็นการท้าทายการครองราชย์ขององค์จักรพรรดินี โดยภายในช่วงระยะเวลา 8 ปี มีผู้ชาย 7 คนเกิดปรากฎการณ์ไฟลุกทั่วตัวต่อหน้าสาธารณะชน ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้จากข้างในสู่ข้างนอก และสิ่งที่เหลือมีเพียงแต่เถ้ากระดูกสีดำ สิ่งที่ทำให้ บูเช็กเทียน เป็นกังวลนั้นก็คือผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมด ต่างก็เป็นคนที่เธอจะเลื่อนตำแหน่งหลังได้ครองอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ



ยิ่งมากไปกว่านั้น คดีล่าสุดก็เกิดขึ้นกับหัวหน้าคุมงานก่อสร้างสถูป แน่นอนที่เหตุครั้งนี้เป็นการท้าทายอำนาจของ บูเช็กเทียน เพื่อที่จะไขคดีลึกลับนี้ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ เธอจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากนักสืบ ตี๋เหริ่นเจี๋ย (แอนดี้ หลิว) ซึ่งถูกเธอเนรเทศออกไปจากเมืองหลวงเมื่อ 8 ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาวิพากษ์วิจารณ์การครองอำนาจของเธอตี๋เหริ่นเจี๋ย ถูกปล่อยตัวและกลับมายังเมืองลั่วหยางเพื่อเข้าเฝ้า บูเช็กเทียน เธอแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาของมืองหลวง ตำแหน่งที่เขาปฏิเสธเมื่อ 8 ปีก่อน เธอเชื่อว่า ตี๋เหริ่นเจี๋ย เป็นผู้มีความรู้และไหวหริบ มีความสามารถทางการต่อสู้ และจะช่วยล้มแผนการโค่นบัลลังก์ของกลุ่มคนปริศนา


ตี๋เหริ่นเจี๋ย (แอนดี้ หลิว) ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ



เป่ยตงไหล ผู้รักษาความยุติธรรมที่อารมณ์รุนแรงและใจร้อน ได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ซึ่งเขาก็ตั้งข้อสงสัยว่า เป่ย อาจเป็นสายให้กับจักรพรรดินี ทั้งคู่ต้องทำงานร่วมกันแบบไม่เต็มใจ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ยังออกไปขอความช่วยเหลือจาก ซาถัว (โทนี่ เหลียง กา ไฟ) ซึ่งเคยออกแบบสถูป แต่ตอนนี้เป็นบวชเป็นพระสงฆ์ ซึ่งเขาก็เป็นผู้เห็นเหตุการณ์คนไฟลุกครั้งล่าสุดพอดี

เป่ยตงไหล ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ



ซาถัว (โทนี่ เหลียง กา ไฟ) ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ


ความทรงจำจากอดีตตามกลับมาหา ตี๋เหริ่นเจี๋ย อีกเมื่อ จิงเอ๋อ (หลี่ ปิงปิง) นางสนมของจักรพรรดินีที่ถูกส่งมาเพื่อปรนนิบัติ ตี๋เหริ่นเจี๋ย จำได้ว่าเธอคือลูกสาวของเพื่อนเก่าที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์น่าสลด ทำให้ จิงเอ๋อ กลายเป็นเด็กกำพร้า จนถูกส่งเข้าวังและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เธอได้ทำตามประสงค์ก่อนตายของพ่อด้วยการมอบกระบองที่มีค่าให้กับ ตี๋เหริ่นเจี๋ย

จิงเอ๋อ (หลี่ ปิงปิง) ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ

การสืบสวนของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย พาเขาเข้าไปในตลาดมืด ซึ่งทำให้ค้นพบกับหลักฐานถึงวิธีการเผาไหม้จากภายในร่างกายเหยื่อ ซึ่งทั้งหมดก็โยงไปที่ พ่อมดวังหลวง ที่ปรึกษาคนสำคัญขององค์จักรพรรดินี แต่นั้นก็หมายถึงการที่เขาต้องท้าทายกับอำนาจของประมุขของประเทศอีกครั้ง อย่างไรก็ตามครั้งนี้ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ก็มั่นใจว่า ไม่ว่ามันจะแลกด้วยชีวิตของตัวเองหรือไม่ เขาก็จะต้องขุดค้นเอาความจริงออกมาให้ได้




เกล็ดภาพยนตร์
ตี๋ เหริ่นเจี๋ย  (Di Renjie) เป็นนักสืบที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของจีน มีอายุระหว่าง ค.ศ. 630 – ค.ศ. 700 เขาเป็นอัครมหาเสนาบดีคู่บัลลังก์ บูเช็กเทียน จักรพรรดินีองค์แรกและองค์เดียวของจีน โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรม กล้าหาญ และเป็นคนที่ บูเช็กเทียน ให้ความเคารพอย่างสูง




ภูมิหลัง
ตี๋ เหรินเจี๋ยเกิดในตระกูลขุนนางจากเมืองไท่หยวน เมื่อ ค.ศ. 630 ในรัชศกถังไท่จง
ตี๋ เซี่ยวซู่ (狄孝緒) ผู้เป็นปู่ เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักบริหาร (尚書左丞) ส่วน ตี๋ จือซุ่น (狄知遜) บิดา เคยเป็นผู้ว่าราชการเมืองกุ๋ยโจว (夔州) ซึ่งปัจจุบันคือฉงชิ่ง
ในวัยเยาว์ ตี๋ เหรินเจี๋ยนั้นเป็นที่เลื่องลือในความใฝ่รู้ใฝ่เรียน หลังจากสอบได้เป็นจอหงวน เขาได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดเมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนัน ครั้งนั้น เพื่อนร่วมงานของเขาได้ร้องเรียนเท็จต่อผู้บังคับบัญชาว่า เขาขาดคุณสมบัติเป็นข้าราชการ ประจวบกับที่ หยัน ลี่เปิ่น (閻立本) เสนาบดีกระทรวงสวัสดิการสาธารณะ ผ่านมาตรวจราชการในท้องที่นั้น และขึ้นพิจารณาข้อร้องเรียนดังกล่าว เมื่อหยัน ลี่เปิ่น ได้พบตี๋ เหรินเจี๋ย ก็ประทับใจในบุคลิกลักษณะ และกล่าวว่า

"ขงจื่อนั้นเคยกล่าวว่า 'อันความดีงามของบุคคลใดก็ดี ย่อมชี้วัดได้โดยความผิดพลาดของบุคคลนั้นเอง' ตัวท่านนี้อุปมาดังไข่มุกจากริมสมุทร แลขุมทรัพย์อันกู้ได้มาแต่แดนอาคเนย์ก็มิปาน

หยัน ลี้เปิ่นได้สนับสนุนให้ตี๋ เหรินเจี๋ยเป็นเจ้าเมืองไคเฟิง ขณะปฏิบัติหน้าที่นั้น ตี๋ เหรินเจี๋ยเป็นที่เลื่องลือในด้านความเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาและราษฎร ครั้งหนึ่ง เจิ้ง ฉงจื้อ (鄭崇質) เพื่อนร่วมงานของเขา ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจราชการในที่ห่างไกล ขณะนั้น เขาทราบว่ามารดาผู้ชราของเจิ้ง ฉงจื้อ กำลังเจ็บไข้ ก็รุดไปหาลิ่น เหรินจือ (藺仁基) เลขาธิการสำนักบริหาร เพื่อ

ร้องขอให้ตั้งเขาไปตรวจราชการแทน ลิ่น เหรินจือประทับใจในตี๋ เหรินเจี๋ยเป็นอันมาก

ใน ค.ศ. 676 รัชศกถังเกาจง ตี๋ เหรินเจี๋ยได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการศาลสูงสุด (大理丞) ตี๋ เหรินเจี๋ยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และเป็นที่กล่าวขานว่า ระหว่างดำรงตำแหน่งดังกล่าว เขาได้พิพากษาคดีถึงหนึ่งหมื่นเจ็ดพันราย และไม่มีคู่ความไม่พอใจคำพิพากษาของเขาแม้แต่คนเดียว

ในปีเดียวกันนั้น มีเหตุการณ์ซึ่ง นายพลฉวน ชั่นไฉ (權善才) และพลทหารฟั่น ไหวฺอี้ (范懷義) ทำลายหมู่ต้นไม้มงคลบนสุสานอดีตจักรพรรดิถังไท่จงไปโดยอุบัติเหตุ จักรพรรดิถังเกาจงทราบความแล้วก็โกรธ ให้ประหารชีวิตนายทหารทั้งสอง ตี๋ เหรินเจี๋ยจึงทูลว่า ตามกฎหมายแล้ว นายทหารทั้งคู่มีโทษไม่ถึงชีวิต เพียงไล่ออกเท่านั้น จักรพรรดิถังเกาจงทรงฟังแล้วก็โกรธ มีรับสั่งให้ทหารไล่ตี๋ เหรินเจี๋ยออกไปจากที่เฝ้า แต่ตี๋ เหรินเจี๋ยนั้นยังคงทูลทัดทานไม่ยอมหยุด จนจักรพรรดิถังเกาจงได้สติและเข้าพระราชหฤทัย ให้ไล่นายทหารทั้งสองออกตามกฎหมายแทน หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็โปรดให้ตี๋ เหรินเจี๋ยดำรงตำแหน่งขุนนางทัดทาน (御史)

ราว ๆ ค.ศ. 679 เหวย หงจือ (c=韋弘機) เสนาบดีเกษตราธิการ ได้สร้างพระที่นั่งสามหลังทางด้านตะวันออกของนครลั่วหยาง คือ พระที่นั่งซู่หยู่ (宿羽宮) พระที่นั่งเกาชัน (高山宮) และพระที่นั่งชั่งหยาง (上陽宮) ตี๋ เหรินเจี๋ยทูลว่า เหวย หงจือกำลังนำพาพระจักรพรรดิไปสู่ความสุรุ่ยสุร่ายอันเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ พระจักรพรรดิทรงก็เห็นด้วย ก็ไล่เหวย หงจือออกจากตำแหน่งทันที

ชีวิตของเขาถูกเขียนเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนและได้ถูกสร้างเป็นตัวละครเอกในวัฒนธรรมร่วมสมัยของจีน โดยดัดแปลงให้เป็นนักสืบ เช่น ภาพยนตร์และซีรีส์เรื่องต่าง ๆชื่อ “ตี๋เหริ่นเจี๋ย นักสืบคู่บัลลังก์” ที่เขียนโดย เฉียนเยี่ยนชิว โดยมีความยาวทั้งสิ้น 5 เล่มจบ (ฉบับแปลเล่ม 1 เป็นของสำนักพิมพ์มติชน แปลโดย เรืองชัย รักศรีอักษร)